http://www.giftshopchristian.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

 หน้าแรก

 รู้จักร้านคริสเตียนกิ๊ฟช๊อป

 แผนที่

 เว็บบอร์ด

 ติดต่อ/สั่งซื้อสินค้า

ปฎิทิน

« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 

สัญญลักษณ์แห่งพระพร

ประวัติความเป็นมาของชา: ตำนานจากจีนรวมทั้งประเทศอินเดีย

(อ่าน 542/ ตอบ 0)

Taki Taki

เรื่องราวแหล่งกำเนิดของ Tea ถูกผสมด้วยการประสมประสานระหว่างตำนานแล้วก็ข้อพิสูจน์รวมทั้งแต่งแต้มด้วยแนวความคิดโบราณด้านจิตวิญญาณแล้วก็ปรัชญา


 


ตามตำนานของจีนประวัติความเป็นมาของชาเริ่มขึ้นในปี 2737 ก่อน ส.ศาสตราจารย์ เมื่อจักรพรรดิ์เสินท่วมผู้มีฝีมือรวมทั้งนักวิทยาศาสตร์ศึกษาและทำการค้นพบชาโดยบังเอิญ ขณะที่ต้มน้ำในสวนใบจากต้นชาป่าที่ยื่นออกมาก็ลอยเข้ามาในหม้อของเขา จักรพัตราธิราชแฮปปี้กับการกินน้ำที่ผสมมากมายจนกระทั่งเขาถูกบังคับให้ค้นคว้าพืชถัดไป ตำนานเล่าว่าจักรพัตราธิราชศึกษาและทำการค้นพบคุณลักษณะทางยาของชาในระหว่างการศึกษาค้นคว้าวิจัยของเขา


 


ประวัติศาสตร์ประเทศอินเดียเอ่ยถึงการศึกษาค้นพบชาของพระราชโอรสโพธิธรรมนักบุญแขกผู้จัดตั้งสถานศึกษาศาสนาพุทธนิกายเซน ในปี 520 เขาออกมาจากประเทศอินเดียเพื่อไปประกาศศาสนาพุทธในประเทศจีน เพื่อพิสูจน์แนวทางของเซนเขาสาบานว่าจะนั่งสมาธิตรงเวลาเก้าปีโดยไม่นอน ว่ากันว่าเมื่อจบสมาธิแล้วเขาก็หลับไป เมื่อตื่นเขารู้สึกไม่สบายใจมากมายจนถึงตัดกลีบตาออกและก็โยนมันลงกับพื้น ตำนานเล่าว่าต้นชาแห่งหนึ่งผุดขึ้นเพื่อใช้จ่ายเครื่องเซ่นของเขาให้บริสุทธิ์


 


ความนิยมชมชอบในตะวันออกไกล


ไม่ว่าตำนานจะเป็นยังไงการต่อว่าดตามรากเริ่มแรกของชานั้นพิสูจน์ได้ยาก เป็นได้ว่าต้นชามีแหล่งกำเนิดในพื้นที่บริเวณจีนตะวันตกเฉียงใต้ประเทศทิเบตแล้วก็ประเทศอินเดียภาคเหนือ พ่อค้าคนจีนบางทีอาจเดินทางไปทั่วภูมิภาคกลุ่มนี้หลายครั้งและก็เจอผู้คนบดใบชาเพื่อเป้าหมายสำหรับในการรักษาโรค


 


จวบจนกระทั่งถึงวงศ์สกุลถัง (618-907) ซึ่งมักเรียกกันว่าสมัยคลาสสิกของชาการบริโภคก็แพร่หลาย รัฐบาลเรียกเก็บภาษีชาเป็นหลักฐานการันตีถึงความนิยมชมชอบที่มากขึ้นของเครื่องดื่มและก็ในขณะนี้ชาได้รับการยินยอมรับว่าเป็นเครื่องดื่มประจำชาติของจีน


 


ในยุควงศ์สกุลถังพระในพุทธ Lu Yu (733-804) ได้แต่งตำราเรียนชาฉ่าจิงหรือคลาสสิกของชา เขาชี้แจงถึงชนิดของชาการใช้แรงงานตลอดจนการเตรียมรวมทั้งประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากการดื่ม ที่สำคัญเขาสร้างความตรึงใจให้กับงานนิพนธ์ด้วยสุนทรียะทางใจวิญญาณที่สะท้อนความนึกคิดทางพุทธลัทธิเต๋ารวมทั้งลัทธิขงจื๊อ คำสั่งสอนกลุ่มนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่พิธีการชงชาแบบเริ่มแรกซึ่งปฏิบัติภารกิจเป็นคำเปรียบสำหรับในการแสดงความใกล้เคียงและก็ความง่ายๆที่ไม่เพียงแต่สั่ง แม้กระนั้นยังส่งกระแสไปทั่วอีกทั้งจักรวาล


 


หลายศตวรรษถัดมาแปลงเป็นที่รู้จักกันในชื่อสมัยโรแมนติกของชา นำโดยวงศ์สกุลขอนไม้ (คริสต์ศักราช 960-1280) โคลงกลอนรวมทั้งการอ้างอิงทางศิลป์เกี่ยวกับชามีอยู่มากไม่น้อยเลยทีเดียว เดี๋ยวนี้วัฒนธรรมจีนมีผลเป็นอย่างมากรวมทั้งมีผลต่อศิลป์การบ้านการเมืองแล้วก็ศาสนาในตะวันออกไกล


ชาไปสู่ประเทศญี่ปุ่น


ในตอนต้นศตวรรษที่ 9 พระสงฆ์คนญี่ปุ่นนามว่าSaichōได้รับการชมเชยให้เป็นผู้แนะนำชาให้กับประเทศญี่ปุ่น ในช่วงเวลาที่เล่าเรียนอยู่ในประเทศจีนSaichōได้ศึกษาและทำการค้นพบชาแล้วก็นำเม็ดกลับไปปลูกที่วัดของเขา เมื่อเวลาผ่านไปรูปถ่ายอื่นๆก็ทำตามอย่างสมควรรวมทั้งเร็วนี้ๆไร่ชาเล็กๆก็แตกออกขึ้นที่วัดที่สงบเงียบ อย่างไรก็แล้วแต่ด้วยเหตุว่าการแยกพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกพวกนี้ความนิยมชมชอบของชาในประเทศญี่ปุ่นก็เลยไม่ชื่นบานจนกระทั่งศตวรรษที่สิบสาม


 


แนวทางที่นิยมที่สุดสำหรับเพื่อการจัดเตรียมชาเป็นการบดใบชาเขียวที่วิจิตรบรรจงให้เป็นผุยผงละเอียดโดยใช้บดหิน ผงนี้เรียกว่า Matcha ในประเทศญี่ปุ่นเป็นสารเริ่มของพิธีการชงชาแบบเริ่มแรกของประเทศญี่ปุ่น ("Chanoyu") รวมทั้งได้รับความนิยมโดยพระเซน Eisai มัทฉะปรุงด้วยกระบอกไม้ไผ่ ("chasen") รวมทั้งเสิร์ฟในจานชามที่ทำด้วยมือ ("chawan")


 


เหตุการณ์เร่งด่วนที่ระบุเองสำหรับชาที่นำสมัย


จนถึงถึงวงศ์สกุลหมิง (1368-1644) ที่มีการจัดแจงชาโดยการนำใบอีกทั้งใบไปแช่ลงไปในน้ำเป็นต้นว่าในตอนนี้ แทนที่จะบีบอัดใบชาเป็นอิฐหรือบดในโรงโม่หินใบชาจะถูกทำให้แห้งรีดแล้วให้ความร้อนในกระทะเหล็กเพื่อหยุดกรรมวิธีออกซิเดชั่น กรรมวิธีการชงนั้นเกี่ยวเนื่องกับการแช่ใบชาในน้ำร้อนโดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้คนตี


 


พระสงฆ์คนจีนนำชาม้วนใหม่นี้ประจำตัวระหว่างเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 17 ต่อจากนั้นไม่นานพ่อค้าชาในเกียวโตโดยใช้ชื่อว่า Soen Nagatani ได้คิดค้นกรรมวิธีนึ่งการอบแห้งแล้วก็การรีดชาเขียวแบบใหม่ของประเทศญี่ปุ่นในตอนศตวรรษที่ 18 วิธีการรวมทั้งชนิดของชานี้แปลงเป็นที่รู้จักในชื่อ Sencha แล้วก็เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นแกนนำในวัฒนธรรมการดื่มชาของประเทศญี่ปุ่น


 


การศึกษาค้นพบชาในตะวันตก


พ่อค้ามิชชั่นแล้วก็นักตรวจที่เดินทางไปกริ้วโกรธหว่างยุโรปและก็ทิศตะวันออกได้สัมผัสกับขนบธรรมเนียมการดื่มชาในประเทศจีนและก็ประเทศญี่ปุ่น ราวศตวรรษที่ 9 การอ้างอิงในเอกสารกิจการค้าของอาหรับเอ่ยถึงขั้นตอนต้มใบชาขม ถัดมามาร์วัวโปโล (1254-1324) เอ่ยถึงการศึกษาและทำการค้นพบชาของเขาในงานประพันธ์เกี่ยวกับการเดินทางของเขาเกี่ยวกับทิศตะวันออก


แม้กระนั้นชามิได้ปรากฏให้มองเห็นอย่างช้านานในตะวันตกจนกระทั่งศตวรรษที่ 17 มิสชันนารีชาวประเทศโปรตุเกสมีความเกี่ยวข้องกับการนำชาไปยุโรปในเวลาที่คาราวานไปๆมาๆระหว่างประเทศโปรตุเกสรวมทั้งจีน แม้กระนั้นไม่มีการค้าขายอย่างเป็นจริงเป็นจังจนกว่าพ่อค้าชาวฮอลล์แลนด์เข้ามาในรูปภาพในปี 1610 ในปีนั้นการขนส่งชาประเทศญี่ปุ่นแล้วก็จีนคราวแรกมาถึงยุโรปผ่านทาง เรือที่สร้างโดย บริษัท ประเทศอินเดียทิศตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ ชายังไหลไปสู่รัสเซียในตอนต้นด้วยรถไฟอูฐที่มาจากจีนซึ่งเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของทางสายไหมที่โด่งดัง ความชื่นชอบของชาแพร่ไปยังเมืองต่างๆอย่างเร็วตัวอย่างเช่นอัมสเตอร์ดัมกรุงปารีสแล้วก็ลอนดอนถึงแม้ราคาที่สูงจะ จำกัด การบริโภคสำหรับคนชั้นสูงและก็คนชั้นสูง การดื่มชาเป็นเรื่องแปลกใหม่ณ เวลานั้นทำให้คนรวยมีส่วนร่วมสำหรับการเสี่ยงอันตรายทางทิศตะวันออกในตอนสมัยที่การสำรวจรวมทั้งศึกษาค้นพบ


 


การเกิดของความรักในภาษาอังกฤษ


คนอังกฤษมิได้หันไปทางชาในทันที กาแฟยังคงเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในค๊อฟฟี่ช็อปที่มีเพศชายแวะเวียนมาเป็นส่วนมาก แฟชั่นชาเบาๆเกิดขึ้นกับหญิงที่คิดว่ามันเป็นเครื่องดื่มที่สุภาพ ในปี 1657 ร้านค้าแรกที่ขายชาในอังกฤษเปิดปฏิบัติการโดย Thomas Garraway ร้านค้าขายชาที่ชาวฮอลันดานำเข้าแล้วก็มีส่วนทำให้ค๊อฟฟี่ช็อปแล้วก็ร้านขายกาแฟของลอนดอนเป็นที่นิยมมากขึ้น


 


เครื่องดื่มดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นได้รับความยุติธรรมมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อ Charles II สมรสกับ Catherine of Braganza วงศ์สกุลประเทศโปรตุเกสผู้ติดอกติดใจชาและก็นำแนวความคิดเรื่องเวลาชามาสู่ราชสำนัก ต่อจากนั้นไม่นาน บริษัท กิจการค้าประเทศอินเดียทิศตะวันออกของอังกฤษซึ่งเป็น บริษัท การค้าขายประเทศอินเดียทิศตะวันออกของอังกฤษซึ่งเป็นคู่ต่อสู้สำคัญของเนเธอร์แลนด์ได้ริเริ่มตั้งขึ้นฐานปฏิบัติการที่แรกในภาคทิศตะวันออกโดยยึดโรงงานผลิตชาในมาเก๊า


 


ประวัติความเป็นมาของ MONOPOLY TEA - บริษัท BRITISH East INDIA


ในตอนต้นทศวรรษ 1700 บริษัท ประเทศอินเดียทิศตะวันออกของอังกฤษ ("The Company") ได้ตั้งตนเองขึ้นเป็นผู้มีอิทธิพลด้านการค้ารวมทั้งจะผูกขาดการค้าขายชากับจีนถัดไป สถานีกิจการค้าผุดขึ้นในประเทศอินเดียรวมทั้งฮับในบอมเบย์เบงกอลแล้วก็มัทราส บริษัท ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยงานของจักรวรรดิอังกฤษจะใช้อิทธิพลทางด้านการเมืองที่สำคัญสำหรับการช่วยสร้างจักรวรรดิอังกฤษที่รวยแล้วก็มีอำนาจ สิ่งนี้ไม่เพียงแค่ แต่ว่ารวมทั้งกิจการค้าชาเพียงแค่นั้น แต่ว่ายังรวมทั้งสิทธิสำหรับการเพิ่มเติมดินแดนการทหารโดยตรงและก็การกำหนดข้อบังคับของอังกฤษ


 


อังกฤษจะใช้ประโยชน์จากกิจการค้าชาเพื่อกำไรและก็อำนาจด้านการเมืองในศตวรรษหน้า แต่ความเคลื่อนไหวทางภูมิศาสตร์ - การบ้านการเมืองที่เกี่ยวเนื่องกับอาณานิคมใหม่ของอเมริกาในเมืองนอกแล้วก็การทำศึกประเทศฝรั่งเศสรวมทั้งประเทศอินเดียในปี 1763 เริ่มรุกรามตำแหน่งที่ได้รับสิทธิพิเศษของ บริษัท นอกเหนือจากนั้น บริษัท ยังจำต้องดิ้นรนเหตุเพราะการจัดการจัดแจงด้านการเงินการโกงแล้วก็การขโมยลอบปลูกชา


 


ชากระจัดกระจายสู่ประเทศอินเดีย: เสนอแนะ DARJEELING แล้วก็ ASSAM TEA


แม้ว่าจะมีการครอบครองของ บริษัท แต่ว่าจีนก็ยังคงเป็นแหล่งชาหลักสำหรับสิ่งที่มีความต้องการของฝรั่งจนกระทั่งกลางปี 1800 เพื่อค้นหาความลับสำหรับเพื่อการปลูกชาและก็จบการพึ่งพิงชาจีนคณะกรรมการชาของอังกฤษก็เลยส่งโรเบิร์ตฟอร์จูนนักพฤกษศาสตร์ผู้ดีอังกฤษไปทำหน้าที่ลับที่จีน เขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าคนจีนเดินทางไปทั่วทั้งประเทศเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำฟาร์มแล้วก็แนวทางการดัดแปลง ที่สำคัญที่สุดเป็นเขาส่งตัวอย่างชากลับไปและก็นำผู้ที่มีความชำนาญตายด้านของจีนกลับมาซึ่งมีหน้าที่สำคัญสำหรับในการเปิดใช้งานการปลูกและก็ทดสอบชาของอังกฤษในประเทศอินเดีย


โดยประมาณปีพ. ศาสตราจารย์ 2366 พันตรีโรเบิร์ตบรูซของกองกองทัพอังกฤษได้เจอกับพุ่มชาพื้นบ้านที่ปลูกเอาไว้ในภาคอีสานของเมืองอัสสัมอินเดีย ด้วยการศึกษาและทำการค้นพบชานี้ บริษัท ประเทศอินเดียทิศตะวันออกของอังกฤษก็เลยคว้าจังหวะสำหรับในการทดสอบปลูกชาในเมืองอัสสัมไม่เพียงแค่ แม้กระนั้นในดาร์จีลิงซึ่งเป็นภูมิภาคทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดียที่เชิงแนวเขาหิมาลัย ดร. แคมป์เบลบุคลากรของ บริษัท ได้ปลูกเม็ดชาดาร์จีลิงเป็นครั้งแรกในสวนของเขาที่บีชวูดดาร์จีลิง การปลูกได้รับการยืนยันแล้วว่าประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งในปีพ. ศาสตราจารย์ 2390 รัฐบาลอังกฤษได้เริ่มปรับปรุงพื้นที่ปลูกชามากมายในพื้นที่ นี่เป็นจุดเริ่มของอุตสาหกรรมชาใหม่ที่รุ่งโรจน์ในประเทศอินเดียและก็การหยุดการพึ่งพิงชาที่ปลูกไว้ในจีน


 


งานเลี้ยงชาของ BOSTON & DEMISE ของ บริษัท BRITISH East INDIA


เหมือนกับยุโรปชาเริ่มเข้ามาในอเมริกาในตอนกึ่งกลางทศวรรษ 1600 โดยการตั้งรกรากของชาวฮอลันดาใน New Amsterdam อาณานิคมถูกยึดโดยอังกฤษในปี 1664 และก็เปลี่ยนแปลงชื่อเป็นนิวยอร์กซึ่งกิจการค้าชารุ่งเรืองในกลุ่มสตรีชาวอาณานิคมแล้วก็นักล่าอาณานิคมที่รวย


 


ในขณะเดียวกัน บริษัท ประเทศอินเดียทิศตะวันออกของอังกฤษได้ชวนให้สภานิติบัญญัติอังกฤษใช้ภาษีจำนวนหลายชิ้นเกี่ยวกับชาโดยใช้พ.ร.บ.ชาเพื่อหนุนฐานะทางการเงินที่ล้มเหลว สิ่งนี้ทำให้พวกเขาสามารถจัดส่งชาไม่เสียภาษีให้กับชาวอาณานิคมได้โดยตรงรวมทั้งหากำไรจากพ่อค้าในอาณานิคม


สิ่งนี้สร้างสิ่งแวดล้อมด้านการเมืองที่เคร่งเคลียดในอเมริกาทำให้เกิดการขัดกันแล้วก็ความนิยมชมชอบของแนวความคิด "ไม่เก็บภาษีโดยไม่ต้องเป็นผู้แทน" ในบรรดาอาณานิคม ความเครียดทางด้านการเมืองมาถึงจุดสูงสุดกับงานฉลองชาที่บอสตันเนื่องมาจากชาวอาณานิคมต่อต้านการเก็บภาษีที่สูงของอังกฤษด้วยการแต่งกายเป็นคนอเมริกันพื้นเมืองรวมทั้งทิ้งชาลงในน้ำจากเรือค้าขายของ บริษัท


 


การเปลี่ยนแปลงอเมริกาที่ตามมาในปี 1776 อาจจะทำให้ The Company กลับมา แต่ว่าก็ยังคงสามารถอยู่รอดได้เพราะเหตุว่าขนาดใหญ่โต อย่างไรก็แล้วแต่ Richard Twining รวมทั้งพ่อค้าชาอิสระหลายพันรายได้จัดแคมเปญเพื่อเผยการโกงของ บริษัท และก็บีบคั้นให้รัฐบาลอังกฤษจบการมัดขาด สิ่งนี้ทำให้ บริษัท ล่มสลายท้ายที่สุดในปี พุทธศักราช 2417


 


เรือคลิปเปอร์และก็ความเป็นมาของการค้าขายชาอเมริกัน


เรือปัตตามันอเมริกันเริ่มนำเข้าชาโดยตรงจากเมืองจีนในตอนทศวรรษที่ 1850 ภายหลังจากการล่มสลายของ บริษัท ภายหลังจากการยกเลิกพ.ร.บ.การบอกทางซึ่งระบุว่าจำต้องส่งชาทั้งผองโดยตรงจากอังกฤษเรือปัตตามันเปลี่ยนเป็นแนวทางที่นิยมสำหรับเพื่อการขนส่งชาอย่างเร็ว เรือที่สง่างามรวมทั้งเพรียวลมบางกลุ่มนี้มีเสากระโดงเรือสามลำที่เชยได้โดยง่าย ทำขึ้นเพื่อความรวดเร็วคนประเทศอังกฤษและก็คนอเมริกันแข่งขันปัตตามันไปๆมาๆระหว่างจีนและก็อังกฤษโดยนำชาที่ดีเยี่ยมที่สุดมาประมูล


 


สิ่งใหม่ชาในอเมริกา: ถุงชาแล้วก็ชาเชิงการค้า


ในตอนศตวรรษที่ 19 การดื่มชามีหน้าที่สำคัญในชีวิตทางด้านสังคมรวมทั้งขนบธรรมเนียมการดื่มชาแบบใหม่เริ่มปรับปรุงในอเมริกาเมื่อความชื่นชอบของเครื่องดื่มมากขึ้น


 


ชานมเย็นมีต้นกำเนิดในงาน World's Fair ปี 1904 ที่เมืองเซนต์หฝ่าส์เมืองมิสซูรี พ่อค้าชาจากต่างแดนตั้งอกตั้งใจที่จะหาแบบอย่างชาร้อนให้กับนักเดินทางฟรี แต่เนื่องด้วยอากาศร้อนไม่ปกติก็เลยมิได้รับผลพวงเท่าไรนัก เพื่อผลักดันแนวทางการขายเขาขอน้ำแข็งจากคนขายไอศกรีมที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งเขาทิ้งลงในชาที่ชงแล้ว ด้วยเหตุผลดังกล่าวขนบธรรมเนียมการดื่มชานมเย็นของคนอเมริกันก็เลยเกิดขึ้น เดี๋ยวนี้ชานมเย็นคิดเป็นราว 80% ของยอดจำหน่ายชาทั้งยังตลาดในสหรัฐอเมริกา


 


ถุงชาดั้งเดิมทำด้วยมือเย็บด้วยมือผ้ามัสลินหรือถุงผ้าไหมเหมือนกับถุงชาความสามารถช่างฝีมือของ Mighty Leaf สิทธิบัตรสำหรับถุงชามีอยู่ตั้งแต่ปี 1903 อย่างไรก็แล้วแต่โทมัสซัลลิแวนพ่อค้าชาจากนิวยอร์กมักให้เครดิตกับการผลิตแนวความคิดถุงชาเชิงการค้าเป็นครั้งแรก


 สนับสนุนโดย ดูหนังออนไลน์


ชาในขณะนี้



ตอนนี้ชาเป็นเครื่องดื่มข้างหลังน้ำยอดนิยมเยอะที่สุดในโลก ที่ Mighty Leaf Tea พวกเรามีความภาคภูมิสำหรับในการสืบต่อขนบธรรมเนียมการชงชาที่โบราณหลายศตวรรษด้วยการบรรจุถุงชาที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยมือของช่างฝีมือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่ซ้ำใครการผสมชาอีกทั้งใบสมุนไพร


Link: คลิ๊กที่นี่

Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

view

สถิติ

เปิดเว็บ01/11/2012
อัพเดท25/08/2018
ผู้เข้าชม1,282,596
เปิดเพจ1,530,105
สินค้าทั้งหมด231

 หน้าแรก

 รู้จักร้านคริสเตียนกิ๊ฟช๊อป

 แผนที่

 เว็บบอร์ด

 ติดต่อ/สั่งซื้อสินค้า

view